รีวิวภาพยนตร์ : Count (2023) หนังดราม่ากีฬาดีๆ ที่เสนออีกด้านของความอัปยศได้อย่างเข้าใจ

Count หรืออีกชื่อว่า Countdown เป็นภาพยนตร์ที่อิงเรื่องจริงของนักมวยที่ชื่อว่า พัคชีฮอน (เป็นนักมวยสมัครเล่นที่แขวนนวมแล้ว เขาได้รางวัลเหรียญทองในรุ่น Light Middleweight ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1988 ซึ่งถูกมองว่าคู่ชกน่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า การตัดสินที่ดูไม่เป็นธรรมทำให้สังคมกังขาและวิพากษ์วิจารณ์ จนเป็นที่มาของการปรับเปลี่ยนวิธีให้คะแนนของโอลิมปิกใหม่ในภายหลัง) ตัวละคร พัคชีฮอน ที่หนังนำมาสร้างรายละเอียดขึ้นใหม่ และแต่งเติมเนื้อหาแวดล้อมอื่นๆให้เป็นงานบันเทิงใน Genre ของดราม่า กีฬา ปนคอมเมดี้ ด้วยท้องเรื่องย้อนยุคไปในปี 1998 คือสิบปีให้หลังจากเหตุการณ์นั้นของเขา

Count

เรื่องย่อ : เรื่องราวของ พัคชีฮอน (จินซอนคยู) คืออดีตนักมวยเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเมื่อปี 1988 ที่มีการล็อคผลให้เขาเพราะเป็นนักมวยจากประเทศเจ้าภาพ การชกครั้งนั้นทุกคนก็ดูออกว่าเขาแพ้นักมวยอเมริกันหลุดลุ่ยแต่กรรมการให้เขาชนะ ผ่านมาสิบปีพัคชีฮอนต้องชดใช้บาปที่เขาไม่ได้ก่อแม้จะพยายามทวงถามศักดิ์ศรีแล้วแต่เบื้องบนก็ไม่หือไม่อือ เขาจึงมาเป็นครูมัธยมปลายที่โรงเรียนเก่าซึ่งก็มีปัญหาเพราะแม้เวลาจะผ่านไปเขายังก้าวข้ามแผลใจไม่ได้ เพราะถูกต้องย้ำจากสื่อมวลชนและลุกลามไปยังครอบครัว

วันหนึ่งพัคชีฮอนต้องไปดูมวยระดับมัธยมปลายอย่างเสียมิได้แล้วเขาก็พบว่าการล็อคผลก็ยังมีซึ่งมันกระทบต่อคนที่ถูกโกงให้แพ้ก็คือ ชเวยุนอู (ซองยูบิน) จนอยากจะเลิกชกมวย แล้วโชคชะตาก็พาให้เขามาเกี่ยวข้องกับมวยอีกครั้งสร้างความไม่พอใจให้กับภรรยาของเขา โจอิลซอน (โอนารา) แต่เมื่อขัดไม่ได้เธอจึงปล่อยให้เขารวบรวมเด็กนักเรียนเหลือขอและเด็กอ่อนแอที่ถูกแกล้งเป็นประจำรวมถึงชเวยุนอูมาเป็นทีมมวยสากลสมัครเล่นของโรงเรียน แต่พวกเขาจะชนะความฉ้อฉลได้หรือไม่?

Count

Count

รีวิวหนัง : หนังเล่าเรื่องจริงอีกด้านให้เข้าใจง่ายตรงประเด็นแต่เลือกมาในโทนเบาเลยยังไม่จับใจเพาะไม่เข้มพอ ถ้าไม่ระบุว่าสร้างจากเรื่องจริงนี่จะเป็นหนังดราม่ากีฬาที่ค่อนข้างเบาบางสำหรับงานจากเกาหลีที่มักไม่ค่อยเจอ ทว่าเมื่อรู้เจตนาของหนังความเบาบางนั้นก็ถูกถ่วงให้หนักได้ด้วยความพยายามจะบอกโลกในความจริงอีกด้านของเหรียญทองอัปยศ ซึ่งมันคือแผลที่บาดลึกสำหรับพัคชีฮอนจนชีวิตเหมือนอยู่ในหลุมทรายดูด

Count

หนังจึงจับเอาตรงนี้มาเล่าได้จนคนดูเข้าใจเลยว่านักมวยอย่างพัคชีฮอนไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เบื้องบนในวงการกีฬาต้องการแบบนั้น หนังบอกกับคนดูว่าพัคชีฮอนแสวงหาหนทางไถ่บาปและจ่อมจมอยู่กับชีวิตที่ไร้เกียรตินี้ขนาดไหน ซึ่งเอาจริงสามารถเล่าให้เข้มข้นได้คือเอาให้หนักไปเลยก็ย่อมได้แต่หนังเลือกมาในโทนเบาทำให้จุดเชื่อมโยงเหมือนต่อกันไม่ติดระหว่างบาปในใจกับการพยายามไถ่บาปด้วยการสอนเด็กให้ชกมวยและเอาชนะความฉ้อฉล ทำให้เมื่อดูแล้วก็เข้าใจแต่ยังไม่จับใจเท่าไหร่เพราะยังต้องการรู้อะไรอีกมากที่หนังควรเล่าแต่ไม่เล่า

Count

Count

เรียกได้ว่าเป็นงานน้ำดีแนวส่งเสริมกำลังใจ สร้างพลังความหวังให้ชีวิต ดูสนุกน่ารักดี และสะท้อนความรักความอบอุ่นหลากหลายคู่สัมพันธ์ ชีฮอน ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ในฐานะโค้ชและครู รวมถึงมิตรภาพกับเพื่อนเอ๋อๆ ผู้เจออคติสังคมเช่นเดียวกัน ส่วนเด็ก ๆ ในชมรมมวย เช่น ชเวยุนอู ที่ได้เติบโตทางความคิด เดินหน้าไขว่คว้าฝันของตัวเอง หรือ พัคบกอัน ที่เติบโตกล้าหาญขึ้น ไม่หนีเพราะความขลาดกลัว สิ่งสำคัญของชัยชนะ มิใช่การเป็นผู้ชนะในเกม แต่เป็นการเอาชนะใจตัวเองให้ได้มากกว่า เรื่องราวของแต่ละคนก็เป็นกระจกส่องชีฮอนเช่นกัน นอกจากนี้ ก็ยังสะท้อนให้เห็นว่าการล็อกผลแข่งขันไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจต่อผู้แพ้เท่านั้น ผู้ที่ชนะไปก็หาความสุขความภูมิใจไม่ได้

Count

Count
ตัวอย่างหนัง  Count